แพทองธาร ชินวัตร (ชื่อเล่น: อุ๊งอิ๊ง) เกิดวันที่ 21 สิงหาคม 2529 (อายุ 38 ปี) เป็นลูกสาวคนสุดท้องของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เธอเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในแวดวงการเมืองไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยสายเลือดที่เกี่ยวพันกับตระกูลชินวัตรที่มีอิทธิพลทางการเมืองอย่างสูงในประเทศไทย
การศึกษาและการทำงานเบื้องต้น
แพทองธาร ชินวัตร จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะรัฐศาสตร์ จากนั้นเธอได้รับปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจ (MBA) จากมหาวิทยาลัยจอห์นสันแอนด์เวลส์ ในสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นเธอเข้ามาทำงานในสายธุรกิจ โดยดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในบริษัทครอบครัว
ก้าวเข้าสู่การเมือง
แพทองธาร ชินวัตร เข้าสู่เวทีการเมืองอย่างเป็นทางการในปี 2021 เมื่อเธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ก่อตั้งโดยพ่อของเธอ ทักษิณ ชินวัตร
บทบาทของแพทองธารในพรรคเพื่อไทยถูกมองว่าเป็นความพยายามของพรรคในการสร้างผู้นำใหม่ที่มีความเชื่อมโยงกับครอบครัวชินวัตร ที่ยังคงมีอิทธิพลสูงในทางการเมืองไทย ในขณะเดียวกัน เธอก็ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารและนำพรรคด้วยวิสัยทัศน์ที่ทันสมัยและเหมาะสมกับยุคสมัยใหม่
การเลือกตั้งและความสำเร็จ
ในปี 2023 พรรคเพื่อไทยได้เสนอตัวแพทองธาร ชินวัตร เป็นหนึ่งในผู้สมัครนายกรัฐมนตรีในฐานะตัวแทนของพรรค แม้ว่าเธอจะยังไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมากนัก แต่เธอก็ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้สนับสนุนของพรรคอย่างกว้างขวาง
บทบาทของแพทองธารในการเลือกตั้งครั้งนั้นถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นการทดสอบความสามารถของเธอในการนำพรรคและสร้างผลสำเร็จในการเมือง การเลือกตั้งครั้งนี้ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าเธอเป็นผู้นำที่มีความพร้อมและมีความสามารถในการนำประเทศไปข้างหน้า
บทบาทปัจจุบัน
หลังจากการเลือกตั้ง แพทองธาร ชินวัตร ยังคงมีบทบาทสำคัญในการเมืองไทย โดยเธอยังคงทำงานในฐานะหัวหน้าคณะทำงานของพรรคเพื่อไทย และมีบทบาทในการกำหนดนโยบายต่าง ๆ ของพรรค
แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันว่าเธอจะเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต แต่บทบาทของเธอในพรรคเพื่อไทย และการสนับสนุนจากครอบครัวและผู้สนับสนุนของพรรค ทำให้เธอเป็นบุคคลที่มีศักยภาพในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศในอนาคต
แพทองธาร ชินวัตร ยังคงเป็นที่สนใจในฐานะทายาททางการเมืองของตระกูลชินวัตร ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
นโยบายเพิ่มรายได้ภาคแรงงานและการจ้างงาน
การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ
- ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี พ.ศ. 2570
นโยบายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้แก่แรงงาน โดยไม่มีการใช้แรงงานเป็นตัวประกัน รัฐบาลจะดำเนินการให้เศรษฐกิจเติบโต และจะแบ่งผลกำไรนี้กลับไปยังแรงงานผ่านการตกลงร่วมกันของไตรภาคี (นายจ้าง, ลูกจ้าง, และรัฐ) ภายใต้หลักการ “ทุนนิยมที่มีหัวใจ” - หลักการพิจารณาการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ
การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจะพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก:- การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP)
- ผลิตภาพแรงงาน (Productivity)
- อัตราเงินเฟ้อ (Inflation)
เงินเดือนสำหรับผู้จบปริญญาตรี
- เงินเดือนคนจบปริญญาตรีเริ่มต้นที่ 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี พ.ศ. 2570
นโยบายนี้รวมถึงข้าราชการด้วย เพื่อให้คนไทยไม่จนอีกต่อไป
รายได้ครอบครัว
- ทุกครอบครัวมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน
เพื่อลดช่องว่างรายได้ของคนไทย และให้ทุกคนมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี- จะมีการสำรวจครัวเรือนทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบรายได้และศักยภาพของประชาชน
- นโยบาย “1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ Soft Power (OFOS)” จะถูกนำมาใช้เพื่อดูแลและสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว
- หากครัวเรือนใดมีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน จะได้รับการเติมเงินให้ครบ 20,000 บาทต่อเดือน
- ผู้มีสิทธิ์จะลงทะเบียนผ่านระบบ Learn to Earn เพื่อเสริมทักษะและหางาน
- มีการอัปเดตข้อมูลทุก 6 เดือนเพื่อดึงคนเข้าระบบ ทำให้รัฐสามารถช่วยเหลือได้อย่างแม่นยำ
กระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่
เติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล
- เติมเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้คนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนการใช้จ่ายในชุมชนท้องถิ่น- กระเป๋าเงินดิจิทัลจะมีอายุการใช้งาน 6 เดือน ใช้จับจ่ายสินค้าและบริการที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต
- เงินดิจิทัลจะใช้ได้เฉพาะกับร้านค้าชุมชนในรัศมี 4 กิโลเมตร
- ร้านค้าสามารถแลกเงินดิจิทัลเป็นเงินบาทกับธนาคารในโครงการได้
- นโยบายนี้เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล โดยใช้ระบบ Blockchain ที่มีความปลอดภัยสูง
- ทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้จ่ายจะหมุนเวียนกลับมาเป็นภาษีของรัฐบาล
นโยบายสร้างประเทศด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลผ่านเขตธุรกิจใหม่ (New Business Zone)
สร้างเขตธุรกิจใหม่ 4 แห่ง
- สร้างเขตธุรกิจใหม่ใน กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่
เพื่อดึงดูดเงินลงทุนและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ Start-ups และ SMEs โดยใช้ “กุญแจ 3 ดอก”:- กฎหมายธุรกิจชุดใหม่
ปลดล็อกปัญหาด้านการทำธุรกิจของ Start-ups และ SMEs รวมถึงการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ - สิทธิประโยชน์ใหม่
ยกเว้นภาษีเงินได้, ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, ภาษีนำเข้า เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ - ระบบนิเวศทางธุรกิจใหม่
การสร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบการศึกษาใหม่ เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจ
- กฎหมายธุรกิจชุดใหม่
ขยายเศรษฐกิจสู่ภูมิภาค
เริ่มจากหัวเมืองก่อน เช่น เชียงใหม่
ซึ่งมีสาธารณูปโภคพื้นฐานครบครัน และเมื่อธุรกิจในพื้นที่เติบโตก็จะกระจายไปสู่จังหวัดใกล้เคียง
นโยบายนี้จะช่วยกระจายทรัพยากรไปยังภูมิภาค ไม่ให้กระจุกตัวอยู่แค่ในกรุงเทพฯ
Cr.ขอบคุณที่มาของภาพนโยบายพรรคจาก เว็บไซต์พรรคเพื่อไทย
เรา คือ ผู้ให้บริการจัดงานอีเว้นท์อันดับต้นๆของภาคใต้ ที่เปิดให้บริการมาแล้ว 20 ปี ไม่ว่างานจะเล็ก หรืองานจะใหญ่ เราพร้อมให้บริการได้เสมอมาจนถึงปัจจุบัน
บริการของเรา
ข้อมูลเพิ่มเติม
ช่องทางสื่อต่าง ๆ
A title
Image Box text
A title
Image Box text
ลิขสิทธิ์ © 2024 เซ้าท์เทิร์น อีเว้นท์ เมเนจเม้นท์ สงวนไว้ซึ่งลิขสิทธิ์ทั้งหมด
ลิขสิทธิ์ © 2023 เซ้าท์เทิร์น อีเว้นท์ เมเนจเม้นท์ สงวนไว้ซึ่งลิขสิทธิ์ทั้งหมด